วันอังคารที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2557

ลงทุนแบบ Value เป็นอย่างไร เวลานี้เหมาะจะลงทุนหรือยัง ?

updated: 28 ต.ค. 2557 เวลา 14:00:07 น.
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
คอลัมน์ จับช่องลงทุน โดย ดร.วิน อุดมรัชตวนิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.วรรณ Dr.win@one-asset.com
สวัสดีครับ ในช่วงนี้ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวกันอย่างผันผวนนะครับ หลักๆ คงหนีไม่พ้นแรงกดดันจากแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลาง สหรัฐ ความเสี่ยงด้านการเมืองเชิงภูมิศาสตร์ระหว่างประเทศ (Geopolitical Risk) โดยเฉพาะรัสเซียและยูเครนที่อาจบานปลายกระทบถึงความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซีย ต่อสหรัฐฯและยุโรปได้ รวมทั้งความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจโลกที่แม้ว่าประเทศต่างๆ มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น แต่ก็ยังไม่สามารถผลักดันให้เติบโตในลักษณะของ V-Shape ได้

ซึ่งทำให้ผมมองว่าหากจะจับจังหวะการลงทุน (Market Timing) ในช่วงเวลานี้คงเป็นไปได้ค่อนข้างยากครับ จากลักษณะการลงทุนดังกล่าว ทำให้ผมมองว่าการลงทุนอีกหนึ่งแนวทางที่น่าสนใจ ได้แก่ การลงทุนโดยใช้แนวทางการคัดเลือกหุ้นแบบ Value Style ที่มุ่งเน้นคัดเลือกหุ้นที่มีราคาตลาดค่อนข้างต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง เพื่อบอกถึงหุ้นยังคงมีโอกาสปรับตัวสูงขึ้นไปอยู่ในระดับมูลค่าหุ้นหรือราคาหุ้นที่เหมาะสมได้ โดยสิ่งที่ผู้จัดการกองทุนพิจารณา ได้แก่ การวิเคราะห์เกี่ยวกับปัจจัยพื้นฐาน ทั้งแนวทางการสร้างรายได้และกระแสเงินสดของการดำเนินการ เช่น การวิเคราะห์งบการเงิน และแนวโน้มอัตราการเติบโตของบริษัทต้องแข็งแกร่งและสม่ำเสมอ เพื่อนำมาวิเคราะห์ถึงมูลค่าที่แท้จริงของหุ้นนั้นๆ ภายใต้กระบวนการวิเคราะห์ที่เหมาะสม และคัดเลือกหุ้นที่ลงทุนในหุ้นที่ประเมินแล้วว่าราคาหุ้นในขณะนั้นยังอยู่ ต่ำกว่าราคาที่เหมาะสม และยังมีโอกาสเติบโตได้อีก และทยอยลงทุนสะสมในช่วงที่ราคาเริ่มปรับตัวลงใกล้แตะระดับต่ำสุด (ช่วง Bargaining List) และถือครองหุ้นดังกล่าวจนกระทั่งราคาหุ้นปรับตัวสูงขึ้น (ช่วง Core List) รวมทั้งทยอยขายหุ้นออกไปเมื่อราคาหุ้นเริ่มแตะระดับราคาที่ใกล้เคียงกับราคา ที่เหมาะสมของหุ้นนั้น (ช่วง Sources of Fund List) และพยายามค้นหาหุ้นใหม่เพิ่มเติมเพื่อสร้างโอกาสการลงทุนต่อไป โดยการเลือกหุ้นในลักษณะนี้จะเป็นการพิจารณาในลักษณะมูลค่าหุ้นอย่างแท้จริง ไม่ใช่การจับจังหวะเวลาของตลาด

อย่างไรก็ดี การเลือกหุ้นในลักษณะของ Value Style นั้น ในช่วงเวลาที่หุ้นปรับตัวลดลงนั้น สิ่งหนึ่งที่นักลงทุนต้องให้ความใส่ใจ คือ การอดทนรอเพื่อให้ราคาหุ้นนั้นปรับตัวสูงขึ้น (Patience) ซึ่งจากสถิติของกองทุน Templeton Global Fund ซึ่งเป็นกองทุนภายใต้การบริหารจัดการของ Franklin Templeton Investment Funds ที่เน้นลงทุนในหุ้นทั่วโลกที่ได้ยึดหลักการบริหารจัดการนี้ก็ได้แสดงให้เห็น ว่า การลงทุนในลักษณะนี้คุ้มค่าต่อการอดทนและรอการฟื้นตัวของราคาหุ้นครับ โดยจะเห็นได้จากในช่วงปี 2009-2011 ซึ่งเป็นช่วงที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจในยุโรป ทำให้ราคาหุ้นกลุ่มยุโรปปรับตัวลดลง และเป็นจังหวะที่กองทุน Templeton Global Fund เข้าไปสะสมหุ้นยุโรป ซึ่งในช่วงดังกล่าวกองทุนให้ผลตอบแทน 31.90%, 6.67% และ -10.50% (Calendar Year) โดยต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐานที่ใช้วัดผลการดำเนินงานกองทุน คือ MSCI All Country World Index ที่ให้ผลตอบแทน 35.41%, 13.21% และ -6.86% ในช่วงเวลาเดียวกันตามลำดับ

อย่างไรก็ดี หลังจากที่เศรษฐกิจโลกเริ่มฟื้นตัว กองทุนดังกล่าวก็สามารถพลิกกลับมาให้ผลตอบแทนที่ชนะเกณฑ์มาตรฐานได้ในช่วงปี 2012-2013 ที่ 21.70% และ 34.92% ตามลำดับ เทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ให้ผลตอบแทน 16.80% และ 23.44% ตามลำดับ

ผมมองว่า ระยะเวลาที่เหมาะสมต่อการลงทุนสำหรับ Value Style จะอยู่ที่ประมาณ 3-5 ปี เพื่อให้ราคาหุ้นสามารถปรับตัวผ่านพ้นช่วงจังหวะเวลาที่ปรับลดลงและก้าวเข้าสู่การฟื้นตัวของราคาหุ้น

ผมคิดว่าการลงทุนในลักษณะนี้ยังมีข้อดีอีกหนึ่งประการ คือ นักลงทุนไม่จำเป็นต้องจับจังหวะการลงทุนตามสไตล์ของ Market Timing ทำให้นักลงทุนสามารถตัดสินใจลงทุนได้สะดวกสบายกว่า เนื่องจากไม่ต้องติดตามตลาดอย่างใกล้ชิดเหมือนกับการลงทุนแบบการจับจังหวะ เวลา และไม่จำเป็นต้องรอคอยให้ตลาดปรับฐานย่อตัวลงเพื่อเข้าลงทุน เนื่องจากการคัดเลือกหุ้นลักษณะนี้จะมุ่งเน้นแบบการวิเคราะห์จากปัจจัยพื้น ฐานของหุ้นแต่ละหุ้น (Bottom-Up) ซึ่งแสดงถึงราคาหุ้นที่เหมาะสมในอนาคต ไม่ได้อิงกับภาพรวมในเชิงมหภาค และโดยส่วนใหญ่การลงทุนในลักษณะนี้จะลงทุนในบริษัทที่มีผลตอบแทนผู้ถือหุ้น ที่คาดหวัง (Expect Return in ROE) ของแต่ละบริษัทที่ลงทุนค่อนข้างสูง ซึ่งในส่วนของ Templeton เองก็ตัดสินใจลงทุนในหุ้นที่มี ROE ประมาณ 10-15% ซึ่งทำให้ในระยะยาวกองทุนก็จะได้รับประโยชน์ผลตอบแทนผู้ถือหุ้นในระดับสูง นี้ด้วยเช่นกัน

แนวคิดกลยุทธ์การเลือกหุ้นดังกล่าว รวมทั้งแนวโน้มของเศรษฐกิจที่อยู่ในระหว่างการฟื้นตัว ทำให้การลงทุนในหุ้น Global Value ให้ผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว