ประการแรก
บริษัท การแพทย์ สุขุมวิท 62 จำกัด เพิ่งเพิ่มทุนเมื่อเดือน สิงหาคม ที่ผ่านมาเอง จาก 10 ล้านบาทเป็น 847.250 ล้านบาท และเงินลงทุน รวมทั้งหมด คือ ทั้งเงินกู้ และ เงินกู คือ 1800 ล้านบาท (เฉพาะต้นทุนทางการเงินก็ราว 40-50 ล้านบาทแล้ว)
ประการที่สอง
ผมประมาณการว่า คงเปิด โรงพยาบาลได้ราวอีก สองปี ข้างหน้า
ประการที่สาม
แถวนั้น มีโรงพยาบาลใกล้เคียงอยู่ด้วย
ประการที่สี่ Prakit ถือหุ้น บริษัท การแพทย์สุขุมวิท 62 จำกัด ซึ่งอยู่นอกตลาดที่ 35.41 %
ประการที่ห้า รายได้จากการลงทุน บริษัท การแพทย์ สุขุมวิท 62 จำกัด จะอยู่ในรูป เงินปันผลรับ ถ้าเดาคราวๆว่า โรงพยาบาล สามารถทำ ROE ได้ราว 13 % และเงินปันผลจ่าย 50% ของกำไรสุทธิ ดังนั้น คำนวณคร่าวๆ ปี 61 (โรงพยาบาลน่าจะก่อสร้างเสร็จกลางปี 60 ) น่าจะได้เงินปันผล ประมาณ 20 ล้านบาท (847*0.13*0.50*0.3541) ในปีแรกที่ดำเนินงาน หลังจากนั้นก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของผู้บริหารแล้ว
แต่อย่าลืม Prakit ไม่ใช่ โรงพยาบาลนะ เพราะถือหุ้นน้อยกว่า 50% สมมุติให้ค่า P/E 16 เท่า ดังนั้น ราคาหุ้น Prakit ที่จะเพิ่มจาก ธุรกิจโรงพยาบาลก็ราว 20/60*16 = 5.34 บาท
นี่ผมมองได้อย่างนี้แหละครับ
การลงทุนมีความเสี่ยง เลือกเสี่ยงด้วยตัวคุณเองครับ
วันอังคารที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2558
วันเสาร์ที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2558
ยังเสี่ยง
เริ่มเข้าไตรมาส 4/58 ตลาดหุ้นไทยดูเหมือนจะดี นักลงทุนต่างมีความหวัง เพราะเมื่อมองดูกราฟช่วงสัปดาห์ที่สองของเดือนตุลาคม ตลาดหุ้นวิ่งขึ้นมาสวยงามทีเดียว อีกทั้งดูเหมือนว่า นักลงทุนต่างประเทศเริ่มกลับมาลงทุนมากขึ้น แต่มีข่าวที่ทำให้ต้องระมัดระวังอยู่สองข่าว
ข่าวแรก
หัวเรื่อง : ถ้าคุณคิดว่า ฟองสบู่ตลาดหุ้นของจีนน่ากลัว ลองดูพันธบัตร
อ้างอิง : http://www.bloomberg.com/news/articles/2015-10-08/if-you-thought-china-s-equity-bubble-was-scary-check-out-bonds
โดยสรุปคือ ณ เวลานี้ราคาพันธบัตรวิ่งขึ้นไปจนสุงที่สุดในรอบ หกปี ทีเดียว ตลาดพันธบัตรจีนขนาด 42.2 ล้านล้านหยวน ( 6.7 ล้านล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ) อยู่ในภาวะเสี่ยงเช่นเดียวกับตลาดหุ้นเมื่อสี่เดือนก่อน ทั้งนี้เป็นเพราะนักลงทุนหนีจากตลาดหุ้นไปลงทุนในตลาดพันธบัตรแทน และถ้าตลาดหุ้นฟื้นตัว เงินก็จะใหลกลับไปตลาดหุ้น ตลาดพันธบัตรก็จะหดตัวลง
อีกสัญญาณเตือนคือ การกู้เงินของนักลงทุนเพิ่มขึ้น 83 % จากเดือนมกราคม มาอยู่ที่ 39 ล้านล้านหยวนในเดือนกันยายน
ข่าวที่สอง :ธนาคารกลางไม่สามารถช่วยโลกได้อีกแล้ว
http://www.reuters.com/article/2015/10/10/us-imf-cenbank-idUSKCN0S40VE20151010
รายงานโดยกลุ่ม 30 องค์กรระหว่างประเทศซึ่งนำโดยอดีตประธานธนาคารกลางยูโรป นาย ยอน คลาวด์ ไตรเชต เตือนเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาว่า อัตราดอกเบี้ยศูนย์เปอร์เซนต์และการพิมพฺ์เงินไม่เพียงพอต่อการฟื้นตัวของการเติบโตของเศรษฐกิจและเสี่ยงต่อการเป็นมาตราการกึ่งถาวร
โดยบอกว่า สิ่งที่ธนาคารกลางทำเป็นเพียงการซื้อเวลา เพื่อให้รัฐบาลแก้ไขวิกฤต
ข่าวแรก
หัวเรื่อง : ถ้าคุณคิดว่า ฟองสบู่ตลาดหุ้นของจีนน่ากลัว ลองดูพันธบัตร
อ้างอิง : http://www.bloomberg.com/news/articles/2015-10-08/if-you-thought-china-s-equity-bubble-was-scary-check-out-bonds
โดยสรุปคือ ณ เวลานี้ราคาพันธบัตรวิ่งขึ้นไปจนสุงที่สุดในรอบ หกปี ทีเดียว ตลาดพันธบัตรจีนขนาด 42.2 ล้านล้านหยวน ( 6.7 ล้านล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ) อยู่ในภาวะเสี่ยงเช่นเดียวกับตลาดหุ้นเมื่อสี่เดือนก่อน ทั้งนี้เป็นเพราะนักลงทุนหนีจากตลาดหุ้นไปลงทุนในตลาดพันธบัตรแทน และถ้าตลาดหุ้นฟื้นตัว เงินก็จะใหลกลับไปตลาดหุ้น ตลาดพันธบัตรก็จะหดตัวลง
อีกสัญญาณเตือนคือ การกู้เงินของนักลงทุนเพิ่มขึ้น 83 % จากเดือนมกราคม มาอยู่ที่ 39 ล้านล้านหยวนในเดือนกันยายน
ข่าวที่สอง :ธนาคารกลางไม่สามารถช่วยโลกได้อีกแล้ว
http://www.reuters.com/article/2015/10/10/us-imf-cenbank-idUSKCN0S40VE20151010
รายงานโดยกลุ่ม 30 องค์กรระหว่างประเทศซึ่งนำโดยอดีตประธานธนาคารกลางยูโรป นาย ยอน คลาวด์ ไตรเชต เตือนเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาว่า อัตราดอกเบี้ยศูนย์เปอร์เซนต์และการพิมพฺ์เงินไม่เพียงพอต่อการฟื้นตัวของการเติบโตของเศรษฐกิจและเสี่ยงต่อการเป็นมาตราการกึ่งถาวร
โดยบอกว่า สิ่งที่ธนาคารกลางทำเป็นเพียงการซื้อเวลา เพื่อให้รัฐบาลแก้ไขวิกฤต
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)