วันอังคารที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

5โรงกลั่นกำไรทรุด45%

5โรงกลั่นกำไรทรุด45%

รายงานข่าวจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย แจ้งว่า จากการรวบรวมผลประกอบการในช่วงไตรมาส 1 ปี 2557 ของกลุ่มโรงกลั่นน้ำมัน 5 บริษัท ประกอบด้วย บริษัท ไทยออยล์ (TOP) บริษัท เอสโซ่ (ESSO) บริษัท ไออาร์พีซี (IRPC) และบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) บริษัทบางจาก (BCP) พบว่ามีกำไรสุทธิรวม 1 หมื่นล้านบาท ลดลงแรงกว่า 45% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1.8 หมื่นล้านบาท โดยส่วนใหญ่มีกำไรปรับลดลง ยกเว้นบริษัท ไออาร์พีซี ที่มีกำไรเพิ่มขึ้น โดยมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 343 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 124% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ขณะนี้บริษัทเอสโซ่ เป็น บริษัทเดียวที่ขาดทุนในช่วงไตรมาส 1 โดยขาดทุน 700 ล้านบาท ลดลง 198.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 709 ล้านบาท เป็นผลมาจากรายได้จากการขายที่ลดลง ตามระดับราคาผลิตภัณฑ์และปริมาณขายที่ลดลง นอกจากนี้ยังมีการขาดทุนจากสต็อกน้ำมัน และค่าการกลั่นน้ำมันที่ลดลงจากราคาน้ำมันที่ปรับลดลงด้วย
ส่วนบริษัทไทยออยล์มีกำไรสุทธิ 2.53 พันล้านบาท ลดลง 21% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 3.2 พันล้านบาท และ บริษัท พีทีทีจีซี มีกำไรสุทธิ 6.29 พันล้านบาท ลดลง 47% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1.2 หมื่นล้านบาท
นายวีรศักดิ์ โฆสิตไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยออยล์ เปิดเผยว่า ในช่วงไตรมาส 1 เครือไทยออยล์มีรายได้จากการขายรวม 1.12 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 4% จากไตรมาสก่อนหน้า สาเหตุหลักเป็นผลมาจากปริมาณจำหน่ายผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปเพิ่มขึ้น ทำให้มีปริมาณวัตถุดิบที่ป้อนเข้าสู่กระบวนการผลิตเพิ่มขึ้น ส่วนราคาน้ำมันดับที่ปรับลดลง เป็นผลมาจากการที่ตลาดยังคงกังวลต่อการเติบโตของเศรษฐกิจจีน อย่างไรก็ตามสถานการณ์ความไม่สงบในยูเครน และลิเบียเป็นปัจจัยที่ทำให้ราคาน้ำมันดิบในไตรมาสนี้ไม่ลดลงไปมากนัก
สำหรับส่วนต่างราคาน้ำมันสำเร็จรูปและราคาน้ำมันดิบโดยรวมปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาสก่อน โดยเฉพาะส่วนต่างราคาน้ำมันเบนซิน ส่งผลให้กำไรขั้นต้นจากการกลั่นปรับเพิ่มขึ้น แต่จากสภาวะอุปทานล้นตลาดของสารอะโรเมติกส์กดดันให้ส่วนต่างราคาสารพาราไซลีนอ่อนตัวลงมาก ทำให้กำไรขั้นต้นจากการผลิตของกลุ่มรวมผลกระทบจากสต็อกน้ำมันลดลง 1.9 ดอลลาร์สหรัฐ มาอยู่ที่ 4.5 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล โดยมีกำไรก่อนรายการดอกเบี้ย ภาษีและค่าเสื่อมราคาลดลงมาอยู่ที่ 3.5 พันล้านบาท แต่มีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 692 ล้านบาท จากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น 0.37 บาทต่อดอลลาร์
อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ไทยออยล์มีรายได้จากการขายเพิ่มขึ้น 7.33 พันล้านบาท แต่กำไรขั้นต้นจากการผลิตและผลกระทบจากสต็อกน้ำมันลดลง 3.2 ดอลลาร์ฯต่อบาร์เรล เนื่องจากส่วนต่างจากราคาน้ำมันสำเร็จรูปและน้ำมันดิบปรับลดลง รวมถึงส่วนต่างสารพาราไซลีนอ่อนตัวลงมาก ทำให้อีบิทด้าลดลง 873 ล้านบาท และกำไรสุทธิลดลง 693 ล้านบาท
นายวิเชียร อุษณาโชติ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานของบริษัท บางจากฯ และบริษัทย่อย ในไตรมาสแรกของปี 2557 ว่า มีรายได้รวม 49,657 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% จากไตรมาสก่อนหน้า และมีกำไรสุทธิ รวมทั้งสิ้น 1,586 ล้านบาท เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 2,196 ล้านบาท
ด้านบล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง วิเคราะห์ว่า ผลการดำเนินงานของไทยออยล์ในช่วงไตรมาส 2 มีแนวโน้มอ่อนตัวลง จากการหยุดซ่อมหน่วยการกลั่นที่ 3 เพื่อซ่อมบำรุงเป็นเวลา 55 วัน ในช่วงครึ่งหลังของเดือนมิ.ย. ขณะที่ส่วนต่างพาราไซลีนที่ตกต่ำรุนแรงในเดือน มี.ค.-เม.ย.จะรับรู้เต็มที่ในช่วงไตรมาส 2 ส่วนค่าการกลั่นจะทรงตัวจากไตรมาสก่อนหน้า จากอุปสงค์ที่อ่อนตัวลง แต่จะได้รับการชดเชยจากอุปทานที่ลดลงจากการหยุดซ่อมโรงกลั่นในภูมิภาค จึงยังคงประมาณการกำไรทั้งปี 2557 ที่ระดับ 8.33 พันล้านบาท แม้ผลการดำเนินงานไตรมาสแรก จะคิดเป็น 30.4% ของประมาณการทั้งปี

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น