วันจันทร์ที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

บริษัทที่ผมจะสนใจ

สำหรับนักลงทุนหน้าใหม่ อาจสงสัยว่า เขาเลือกลงทุนในบริษัทอย่างไร ซึ่งผมมักจะเห็นคำถาม เช่น บริษัทนั้น มีความเห็นอย่างไร เสมอๆ

บางทีบทความนี้อาจให้คำตอบได้บ้างบางส่วน

ผมมีวิธีเลือกบริษัทที่จะลงทุนแบ่งออกเป็นสามส่วน

ส่วนแรก ดูอดีต
ผ่านงบการเงินย้อนหลัง 3-5 ปี บริษัทต้องมีรายได้และกำไรเพิ่มขึ้นทุกปี มีหนี้สินที่เหมาะสม มีการจ่ายปันผลที่เหมาะสม เทียบเคียงกับบริษัทอื่นๆในตลาดเดียวกัน บริษัทที่จ่ายปันผลน้อยผมมักไม่ค่อยสนใจหรือ ผมจะชอบบริษัทที่จ่ายปันผลทุกไตรมาสมาก บริษัทมีข้อได้เปรียบอย่างใดบ้าง

อีกอย่างที่ผมสนใจ คือดูว่า บริษัทมีรายได้พิเศษอะไรหรือไม่ เช่น ขายเงินลงทุนในบริษัทอื่นๆ เป็นประจำ รายได้ส่วนนี้ผมจะตัดออกก่อน แล้วประเมินกำไรหลังจากนั้น เพราะรายได้พิเศษเหล่านั้น เป็นรายได้ชั่วคราว บริษัทที่มีรายได้อย่างนี้มากๆหรือหลายๆครั้งๆ ผมมักจะหลีกเลี่ยง

แล้วทำตารางสรุปไว้ดู เช่นตัวอย่าง



ส่วนที่สอง ดูธรรมชาติของธุรกิจ
ดูว่าบริษัททำธุรกิจอะไร ตลาดเป็นอย่างไร มีเงื่อนไขพิเศษต่างจากธุรกิจอื่นๆ หรือไม่อย่างไร ตัวอย่างเช่น ธุรกิจโรงน้ำตาล เป็นธุรกิจที่ยากมากเพราะ ราคาอ้อย กำหนดโดยคณะกรรมการไตรภาคี คือไม่สามารถกำหนดได้เอง อีกทั้งการขายน้ำตาลแบ่งออกเป็นสองส่วน คือ ส่งออกส่วนหนึ่งและขายในประเทศอีกส่วนหนึ่ง ส่วนส่งออก ราคากำหนดโดยราคาตลาดโลกอีก ส่วนราคาน้ำตาลในประเทศก็กำหนดโดยรัฐบาล แต่ในอนาคตหลังจากเกิดตลาดเออีซี แล้วราคาน้ำตาลอาจเปลี่ยนไป ดังนั้นผมจึงมักหลีกเลี่ยงบริษัทที่ทำน้ำตาลขาย เป็นต้น

ครั้งหนึ่งหลังจากผมดูรายงานทางการเงินของบริษัทแห่งหนึ่งแล้ว เห็นว่า น่าสนใจมาก บังเอิญภรรยาผมเห็นเข้าเลยบอกว่า ธุรกิจนี้ไม่น่าสนใจ คนเขาเลิกใช้แล้ว ทำให้ผมหยุดไปพักใหญ่ จนกระทั่ง ได้ออกไปข้างนอก ไปดูว่า จริงๆแล้ว คนยังสนใจที่จะใช้สินค้านั้นๆอยู่หรือไม่ ปรากฏว่า เท่าที่กะเอาด้วยสายตายังมี่คนที่สนใจใช้สินค้าที่บริษัทนั้นๆทำอยู่ประมาณ 15 % ของประชากร และ ส่วนมากเป็นผู้มีายได้ปานกลางลงไป และเมื่อมาอ่านการสำรวจตลาดภายหลังพบว่าตลาดมีการเติบโตปีละประมาณ 15% ผมก็เข้าไปซื้อหุ้นเป็นเจ้าของกิจการ แม้ว่า ราคาหุ้นไปผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วสักระยะหนึ่งก็ตาม

ส่วนที่สาม มองอนาคต
ดูว่าบริษัทมีโครงการในอนาคตอย่างไร จะเพิ่มยอดขายอย่างไร แม้ว่า ณ ปัจจุบันค่า PER ของบริษัทจะดูเหมือนสูงมาก แต่ถ้าอนาคตมีการเติบโตของกำไรในอัตราที่สูงแล้ว ก็สนใจทีจะลงทุนได้

บางบริษัท เติบโตด้วยการควบรวมธุรกิจและขยายสาขา ต่างจากอีกบริษัทในธุรกิจเดียวกันที่เติบโตด้วยการเพิ่มความสามารถในการผลิตและหรือให้บริการ การเติบโตด้วยการควบรวมนั้นจะทำให้รายได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่วนการเติบโตแบบเพิ่มความสามารถในการผลิตนั้นช้าแต่มั่นคง 

บางบริษัท เพิ่มยอดขายด้วยการเข้าไปเปิดตลาดในต่างประเทศ โดยเฉพาะย่าน เวียตนาม ลาว กัมพูชา และพม่า ซึ่งสะดวกต่อการค้าขาย

บางธุรกิจนั้นตลาดมีอัตราการขยายตัวน้อยหรือหดตัวอย่างนี้ ผมมักจะหลีกเลี่ยง 

คอยติดตามการประกอบธุรกิจ บางทีอาจมีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ ก็จะขายบริษัทนั้นออกไปแม้ว่าจะขาดทุนก็ตาม




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น