วันอังคารที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2557

"สิงห์ เอสเตท"

"สิงห์ เอสเตท" เขย่าวงการอสังหาฯ

ที่มา : http://www.homezoomer.com/show_news.php?pid=584

"ภิรมย์ภักดี"เขย่าวงการอสังหาฯ Backdoor รสา พร็อพเพอร์ตี้ดีเวลลอปเม้นท์ (RASA) ใช้สูตร RASA เพิ่มทุน 4,162.35 ล้านหุ้น ราคา 1.87 บ. แลกกับหุ้น 2 บริษัทกลุ่มสิงห์ "เอส ไบร์ทฟิวเจอร์" และ "สันติบุรี" ก่อนควบกิจการเปลี่ยนชื่อเป็น “บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน)” ด้วยสินทรัพย์เฉียด 5,000 ล้านบาทพร้อมเปิดแผนเตรียมผุดโปรเจ็กต์ยักษ์มูลค่าโครงการกว่า 9,200 ล้านบาท ด้าน หุ้น RASA กระฉูดรับข่าวตั้งแต่ต้นปี จาก 1.50 บาทจนล่าสุดปิดชนซิลลิ่งใกล้แตะ 3 บาท โบรกเกอร์แนะระมัดระวังการลงทุน รอความชัดเจนการควบรวมกิจการ
** RASA เพิ่มทุนมโหฬาร 4,162.35 หุ้น เปิดทางกลุ่มสิงห์ Backdoor
บริษัท รสา พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) (RASA) แจ้งมติที่ประชุมคณะกรรมการ อนุมัติเสนอที่ประชุมผู้ถือหุ้น อนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทฯ จาก 549,998,401บาท เป็นทุนจดทะเบียน 4,712,350,732 บาท โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 4,162,352,331 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ หุ้นละ 1 บาท เพื่อจัดสรรให้แก่บุคคลในวงจำกัด (Private Placement) โดยจัดสรรเพื่อใช้ชำระเป็นค่าตอบแทนให้แก่ บริษัท สิงห์ พร็อพเพอร์ตี้ แมเนจเม้นท์ จำกัด สำหรับ หุ้นสามัญของบริษัท เอส ไบร์ทฟิ วเจอร์ จำกัด ให้แก่และนายสันติ ภิรมย์ภักดี สำหรับหุ้นสามัญของบริษัท สันติบุรี จำกัด ตามแผนการรวมธุรกิจของบริษัทฯ โดยการรับโอนกิจการทั้งหมด (Entire Business Transfer (EBT)) ในราคาเสนอขายหุ้นละ 1.87 บาท คิดเป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้น 7,783,598,859 บาท โดย สิงห์ พร็อพเพอร์ตี้ จะนำหุ้นทั้งหมดที่ถืออยู่ในเอส ไบร์ทฟิวเจอร์ จำนวน 41,349,997 หุ้น คิดเป็นร้อยละ99.99 มาชำระค่าหุ้น แทนการชำระด้วยเงินสด และนายสันติ จะนำหุ้นทั้งหมดที่ถือในสันติบุรี จำนวน 999,998 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 99.99 มาชำระค่าหุ้นเพิ่มทุนแทนการชำระด้วยเงินสด
จากนั้น บริษัท สิงห์ พร็อพเพอร์ตี้ แมเนจเม้นท์ จำกัด และ นายสันติ ภิรมย์ภักดี จะทำคำเสนอซื้อหุ้นทั้งหมดของบริษัทฯ (Mandatory Tender Offer (MTO)) ราคาหุ้นละ 1.87 บาท หลังจากกระบวนการเพิ่มทุนแล้วเสร็จ
**เตรียมเปลี่ยนชื่อเป็นสิงห์ เอสเตท"
พร้อมกันนี้ จะเสนอที่ประชุมผู้ถือหุ้น อนุมัติแผนการรวมธุรกิจของบริษัทฯ กับบริษัท สันติบุรี จำกัด และ บริษัท เอส ไบร์ทฟิวเจอร์ จำกัด และเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น “บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน)” หลังจากธุรกรรมการโอนทั้งหมดแล้วเสร็จ โดยในเบื้องต้นคาดว่ากระบวนการรับโอนกิจการจะสามารถดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2557 ซึ่งรายการดังกล่าวถือเป็นการเข้าจดทะเบียนหลักทรัพย์โดยทางอ้อม (Backdoor Listing) และเนื่องจาก สิงห์ พร็อพเพอร์ตี้ เป็นผู้ที่จะได้รับการเสนอให้เป็นผู้บริหารหรือผู้มีอำนาจควบคุมของบริษัทฯ ภายใต้เงื่อนไขของการเข้าทำธุรกรรมการรับโอนกิจการทั้งหมด จึงต้องได้รับคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า 3 ใน 4 ของจำนวนเสียงทั้งหมดของผู้ที่มาประชุม และมีสิทธิออกเสียงลงคะแนนโดยไม่นับส่วนของผู้ถือหุ้นที่มีส่วนได้เสียพิเศษ
ทั้งนี้ กำหนดวันประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2557 ในวันที่ 9 มิถุนายน 2557 ณ ชั้น 25 อาคาร รสา ทาวเวอร์ เวลา 9.00 น. วันที่ไม่ได้รับสิทธิเข้าประชุม (XM) 24 เม.ย. 2557
** แจงราคาเพิ่มทุน 1.87 บ.เป็นไปตามเกณฑ์
ทั้งนี้ RASA ชี้แจงว่า ราคาหุ้นของหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทฯที่จัดสรรให้แก่ (ก) บริษัท สิงห์ พร็อพเพอร์ตี และ (ข) นายสันติ ภิรมย์ภักดี จำกัด ได้มาจากการประเมินโดยที่ปรึกษาทางการเงิน ซึ่งคิดเป็นอัตราส่วนเท่ากับ 1 หุ้นของสันติบุรี และเอส ไบร์ทฟิวเจอร์ ต่อ1,229.946524 และ 70.916706 หุ้นของบริษัทฯตามลำดับ
ทั้งนี้ การออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนดังกล่าว ไม่ถือว่าเป็นการออกหุ้นใหม่ในราคาต่ำ เนื่องจากเป็นราคาที่ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 90 ของราคาตลาด เมื่อพิจารณาราคาตลาดตามหลักเกณฑ์เกี่ยวกับราคาตลาด ที่กำหนดในประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุน ที่ ทจ. 28/2551 เรื่องการขออนุญาตและการอนุญาตให้เสนอขายหุ้นที่ออกใหม่และประกาศสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ที่ สจ. 39/2551 เรื่องการคำนวณราคาเสนอขายหลักทรัพย์และการกำหนดราคาตลาด เพื่อการพิจารณาการเสนอขายหุ้นที่ออกใหม่ในราคาต่ำ โดยราคาตลาดใช้ราคาเปรียบเทียบกับราคาถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักของหุ้นของบริษัทฯ ในตลาดหลักทรัพย์ฯ ย้อนหลังสิบห้าวันทำการติดต่อกันก่อนวันประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ซึ่งเป็นวันกำหนดราคาเสนอขาย โดยมีค่าเท่ากับ 2.04 บาท
** ดันสินทรัพย์เฉียด 5 พันลบ.
ทั้งนี้ RASA แจ้งข้อมูลทางการเงิน ณ วันที่ 31 ธ.ค. 56 ประหนึ่งทำใหม่ เสมือนว่าสันติบุรี และเอส ไบรท์ฟิวเจอร์ มีการควบรวมธุรกิจกันแล้ว ดังนี้
สินทรัพย์ 4,955.22 ล้านบาท
รายได้รวม 274.70 ล้านบาท
กำไรขั้นต้น 164.38 ล้านบาท
กำไรสุทธิ 26.16 ล้านบาท
** ชำแหละสินทรัพย์ -โปรเจ็กต์ยักษ์ "สิงห์ เอสเตท"
สำหรับข้อมูลสินทรัพย์ของ บริษัท สันติบุรี จำกัด ประกอบกิจการโรงแรม ที่พัก และบริการขายอาหาร ชื่อ “โรงแรมสันติบุรี บีช รี สอร์ท กอล์ฟ แอนด์ สปา” เริ่มประกอบกิจการเมื่อปี 2533 ตั้งอยู่เลขที่ 12/12 หมู่ 1 ถนนสายรอบเกาะ ตำบลแม่น้ำ อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฏร์ธานี ราคาประเมิน 2,608,000,000 ล้านบาท ซึ่ง ประเมินโดยบริษัทอเมริกันแอ๊พเพรซัล (ประเทศไทย) จำกัด โดยสินทรัพย์ประกอบด้วย ที่ดิน เนื้อที่ 56 ไร่ 3 งาน 93.7 ตารางวา และสิ่งปลูกสร้างซึ่งเป็นโรงแรมระดับ 5 ดาว ประกอบด้วยห้องพักจำนวน 71 ห้อง แบ่งเป็น อาคาร 2 หลัง มีห้องพักจำนวน 12 ห้อง และมีห้องพักแบบ วิลล่า 59 ห้อง รวมทั้งสิ้น 71 ห้อง
ส่วนบริษัท เอส ไบร์ทฟิวเจอร์ จำกัด ประกอบกิจการเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ และพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ทุกประเภท รวมถึงการเข้าเป็นหุ้นส่วน เป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทจำกัด และบริษัทมหาชน ปัจจุบันมีเงินลงทุนในบริษัทย่อยจำนวน 3 บริษัท ได้แก่
1.บริษัท สิงห์ พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ถือหุ้น 25,620,000 หุ้น คิดเป็น 99.99%
 บริษัท สิงห์ พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด มีที่ดินว่างเปล่า เนื้อที่ 11 ไร่ 1 งาน 24 ตารางวา ตั้งอยู่ที่ ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ และถนนอโศกมนตรี แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร (สถานทูตญี่ปุ่น) ราคาประเมิน 3,257,000,000 บาท ซึ่งประเมินโดยบริษัทอเมริกันแอ๊พเพรซัล (ประเทศไทย) จำกัด
บริษัทฯมีแนวคิดที่จะพัฒนาโครงการมูลค่า 6,000 ล้านบาท (ไม่รวมที่ดิน) โดยจะสร้างอาคารสำนักงานพร้อมพื้นที่พาณิชยกรรมรวม 144,250 ตารางเมตร ซึ่งประกอบด้วยตึกอาคารสำนักงานจำนวน 2 ตึก ห้องประชุมซึ่งจะใช้จัดการแสดงคอนเสิร์ต โรงแรมขนาดเล็ก ซึ่งจะมีห้องพักประมาณ 21 ห้อง และพื้นที่พาณิชยกรรมสำหรับขายสินค้าให้แก่พนักงานในอาคารสำนักงานและบุคคลทั่วไป เริ่มก่อสร้างไตรมาส 3 ปี 2558 คาดว่าจะแล้วเสร็จไตรมาส 2 ปี 2561 อย่างไรก็ตามโครงการดังกล่าวยังอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ทางธุรกิจและบริษัทฯไม่อาจรับประกันได้ว่าจะมีการพัฒนาโครงการดังกล่าวในอนาคต
 2. บริษัท ภิรมย์พัฒน์ จำกัด ถือหุ้น 72,993 หุ้น คิดเป็น 99.99%
บริษัท ภิรมย์พัฒน์ จำกัด มีที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง เนื้อที่ 2 ไร่ 48 ตารางวา ตั้งอยู่ที่ ถนนอโศกมนตรี (ซอยสุขุมวิท 21) แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร ราคาประเมิน 721,000,000 บาท ซึ่งประเมินโดย บริษัทอเมริกันแอ๊พเพรซัล (ประเทศไทย) จำกัด
ปัจจุบันบริษัท ภิรมย์พัฒน์ จำกัด ให้เช่าอาคาร สิ่งปลูกสร้างให้แก่ร้านอาหาร แต่บริษัทฯมีแนวคิดที่จะพัฒนาโครงการเซอร์วิสอพาร์ทเมนท์และสำนักงานในอนาคตภายในอาคารเดียว เริ่มก่อสร้างไตรมาส 2 ปี 2558 คาดว่าจะแล้วเสร็จไตรมาส 3 ปี 2560 อย่างไรก็ตามโครงการดังกล่าวยังอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ทางธุรกิจและบริษัทฯไม่อาจรับประกันได้ว่าจะมีการพัฒนาโครงการดังกล่าวในอนาคต
3. บริษัท แม็กซ์ ฟิวเจอร์ จำกัด ถือหุ้น 14,999,997 หุ้น คิดเป็น 99.99%
บริษัท แม็กซ์ ฟิวเจอร์ จำกัด มีที่ดินว่างเปล่า เนื้อที่ 30 ไร่ 2 งาน 10 ตารางวา ตั้งอยู่ที่ ถนนประดิษฐ์มนูธรรม แขวงนวลจันทร์ เขตบึงกุ่ม กรุงเทพมหานคร ราคาประเมิน 1,221,000,000 บาท ซึ่งประเมินโดยบริษัทอเมริกันแอ๊พเพรซัล (ประเทศไทย) จำกัด
บริษัทฯมีแนวคิดที่จะพัฒนาโครงการหมู่บ้านจัดสรรระดับไฮเอนด์ (Hi-End) จำนวน 28 ยูนิต พื้นที่ประมาณหลังละ 235 ตารางวามูลค่าโครงการ 3,200 ล้านบาท เริ่มก่อสร้างไตรมาส 4 ปี 2558 คาดว่าจะแล้วเสร็จไตรมาส 3 ปี 2562 โดยมีกลุ่มลูกค้าเป้ าหมายเป็นผู้บริโภคท มีรายได้สูง อย่างไรก็ตามโครงการดังกล่าวยังอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ทางธุรกิจและบริษัทฯไม่อาจรับประกันได้ว่าจะมีการพัฒนาโครงการดังกล่าวในอนาคต
** วงการชี้ดีล backdoor วิน-วิน
แหล่งข่าวจากวงการอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า การขายหุ้น RASA ให้กลุ่มภิรมย์ภักดี เข้ามาควบรวมนั้น เป็นเพราะทาง RASA ประเมินว่าการแข่งขันในธุรกิจอสังหาฯ ปัจจุบันนั้นมีมากขึ้นต่อเนื่อง ในขณะที่บริษัทอสังหาฯ ขนาดเล็ก แข่งขันลำบากเมื่อเทียบกับบริษัทอสังหาฯ ขนาดใหญ่ อีกทั้งเมื่อประเมินจากที่ RASA เป็นผู้ประกอบการที่เน้นโครงการคอนโดมิเนียมเป็นหลักด้วยแล้ว การแข่งขันหรือแย่งชิงส่วนแบ่งการตลาด หรือยอดขายจากบริษัทขนาดใหญ่ จึงทำได้ยาก ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง จากปัญหาการเมืองในขณะนี้ ยิ่งมีส่วนทำให้บริษัทยอมขายหุ้นให้กับสิงห์พร็อพเพอร์ตี้ของนายสันติ ภิรมย์ภักดี ตลอดจนการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือเออีซี ในปี 2558 หรือปีหน้า ซึ่งจะยิ่งทำให้การแข่งขันในธุรกิจอสังหาฯ รุนแรงมากขึ้นไปอีก เพราะฉะนั้นเมื่อมองจากศักยภาพ ฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง รวมถึงชื่อเสียงของกลุ่มสิงห์ ก็เหมาะสมที่ RASA ยินยอมให้เข้ามาควบรวมกิจการ โดยการ backdoor เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งล่าสุด RASA ได้เลื่อนเปิดโครงการใหม่ไป 1โครงการ หลังจากการชุมนุมทางการเมืองยืดเยื้อ
สำหรับการบริหารนั้น คาดว่ากลุ่มสิงห์ จะส่งผู้บริหารชุดใหม่เข้ามาบริหารแทนชุดเดิม
"น่าจะเป็นเรื่อง วิน วิน ของทั้ง 2 ฝ่าย เพราะสิงห์เองก็อยากจะขยายธุรกิจอสังหาฯ การเข้าซื้อกิจการของ RASA เมื่อเทียบกับขนาดของสิงห์แล้ว ก็ไม่ได้มากนัก อีกทั้งยังเป็นบริษัทในตลาดฯ ซึ่งก็น่าจะเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า"

ที่มาข่าว eFinanceThai.com



-----------------------------------------------------------------------------------------

สิงห์ลุยซื้อตึกสูง-คอนโดก่อสร้างค้าง 4ทำเลกลางเมือง-โบรกฯสบช่องขาย

updated: 28 เม.ย 2557 เวลา 15:12:38 น.
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
กลุ่ม สิงห์ พร็อพเพอร์ตี้ เร่งสปีดปั้นพอร์ตอสังหาฯ ตั้งเป้ากว้านซื้อแลนด์แบงก์ตุนไว้ในมือ ประกาศรับซื้อที่ดินย่านใจกลางเมืองใกล้แนวเส้นทางรถไฟฟ้า 4 ทำเลรวด "สุขุมวิท-สีลม-สาทร-พระราม 4" ควบรับซื้อโครงการสร้างค้างทั้งจัดสรร คอนโดฯ โรงแรม ออฟฟิศให้เช่า เตรียมลุยอสังหาฯเต็มสูบ ด้านโบรกเกอร์ชื่อดัง "ซีบี ริชาร์ดฯ-คอลลิเออร์สฯ-โจนส์ แลงฯ" สบช่องเร่ขายที่ดินในมือ
ผู้ สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากบริษัท สิงห์ พร็อพเพอร์ตี้ แมเนจเม้นท์ จำกัด หรือ "สิงห์ พร็อพเพอร์ตี้" ได้รุกเข้าสู่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อย่างเต็มตัว โดยสร้างเซอร์ไพรส์เข้าควบรวมกิจการกับบริษัท รสา พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) และเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น บมจ.สิงห์ เอสเตท ส่งผลให้นายสันติ ภิรมย์ภักดี มีสถานะเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท จากเดิมคาดการณ์กันว่าในช่วงแรก สิงห์ เอสเตท จะนำที่ดินเปล่าที่มีอยู่เดิมมาพัฒนา โดยเริ่มจากโครงการอสังหาฯเพื่อเช่าก่อน อาทิ ที่ดินบริเวณหัวมุมถนนเพชรบุรีตัดใหม่-ถนนอโศกมนตรี เนื้อที่กว่า 11 ไร่ มีแผนจะพัฒนาเป็นอาคารสำนักงาน พื้นที่เชิงพาณิชย์, ที่ดินบนถนนอโศกมนตรี (ซอยสุขุมวิท 21) พัฒนาเป็นอาคารสำนักงานและเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ อย่างไรก็ตาม ล่าสุดกลุ่มสิงห์ เอสเตท มีความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจ ผ่านบริษัทในเครือคือ "แม็กซ์ ฟิวเจอร์" ได้ประกาศรับซื้อที่ดินเพิ่มเติมในพอร์ต โดยลงโฆษณาหนังสือพิมพ์ประกาศรับซื้อโครงการที่อยู่อาศัยที่อยู่ระหว่างการ พัฒนา และที่ดินเปล่าทำเลใจกลางเมืองใกล้แนวรถไฟฟ้า

ต้องการที่ดิน 4 ทำเลเด่น

ผู้ สื่อข่าวสอบถามไปยังบริษัท แม็กซ์ ฟิวเจอร์ จำกัด ระบุว่า บริษัทต้องการเข้าสู่ธุรกิจพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยทั้งบ้านจัดสรรและ คอนโดมิเนียม จากเดิมพัฒนาโครงการประเภทโรงแรมและสนามกอล์ฟ ถึงแม้ปัจจุบันกลุ่มสิงห์มีที่ดินใจกลางเมืองอยู่หลายแปลง แต่ก็ยังต้องการซื้อเพิ่มอีก โดยเฉพาะที่ดินเปล่าใจกลางเมืองย่านศูนย์กลางธุรกิจหรือใกล้แนวรถไฟฟ้า ได้แก่ ทำเลสุขุมวิท สีลม สาทร และพระราม 4 เนื้อที่ 1-2 ไร่ขึ้นไป เพื่อนำมาพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม โดยมีทีมงานมืออาชีพที่มีความชำนาญเข้ามาบริหารงาน

ขณะเดียวกันก็ พร้อมพิจารณาข้อเสนอขายโครงการอสังหาฯที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง ได้แก่ คอนโดฯ บ้านจัดสรร โรงแรม และออฟฟิศให้เช่าทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด เพื่อนำมาพัฒนาต่อในนามสิงห์ เอสเตท ขึ้นอยู่กับว่าจะได้ราคาสมเหตุสมผลหรือไม่

"ราคาที่จะซื้อขึ้นอยู่ กับความสมเหตุสมผลของที่ดินแต่ละแปลงใกล้รถไฟฟ้าแค่ไหน ถ้าจะทำคอนโดฯต้องดูว่าตึกสูงได้หรือไม่ ถึงแม้มีที่ดินอยู่แล้ว แต่ทางคณะผู้บริหารก็ต้องการหาที่เพิ่มอีก" แหล่งข่าวกล่าว

โบรกเกอร์สบช่องขายที่ดิน

นางอลิวัสสา พัฒนถาบุตร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีบี ริชาร์ด เอลลิส (ประเทศไทย) จำกัด ที่ปรึกษาการลงทุนอสังหาฯ เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ทราบข่าวการควบรวมกิจการระหว่างสิงห์ ร็อพเพอร์ตี้กับรสาฯมาระยะหนึ่ง ประเมินว่าอีกไม่นานคงจะเข้ามารุกธุรกิจอสังหาฯเต็มตัว และต้องมองหาที่ดินแปลงใหม่ในทำเลที่มีศักยภาพเข้ามาเพิ่มเติม

สำหรับ ซีบี ริชาร์ดฯ หลังจากนี้ก็คงติดต่อเข้าไปพบเพื่อนำเสนอที่ดินในย่านใจกลางเมืองให้กับ สิงห์ พร็อพเพอร์ตี้พิจารณา แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ว่าอยู่ในทำเลไหน เพราะที่ดินบางแปลงก็มีโบรกเกอร์หลายรายดูแลจึงต้องแข่งขันกัน

ส่วน การนำเสนอโครงการที่อยู่อาศัยที่อยู่ระหว่างพัฒนาและต้องการขายต่อ ทั้งบ้านจัดสรรและคอนโดฯ ขณะนี้ยังไม่โครงการลักษณะดังกล่าวอยู่ในพอร์ต เท่าที่มีเป็นอาคารสำนักงานขนาดกลางในพื้นที่กรุงเทพฯรอบนอก อาทิ บางนา พื้นที่อาคาร 4-5 พันตารางเมตร ตั้งราคาขายประมาณ 100 ล้านบาท ฯลฯ

ถนนวิทยุ 8 ไร่วาละ 2 ล้าน

แหล่ง ข่าวจากบริษัท คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า เมื่อปี 2553 บริษัทเคยเป็นตัวแทนขายดูแลการเปิดประมูลที่ดินสถานทูตญี่ปุ่นหัวมุมแยก อโศก-เพชรบุรี ซึ่งภายหลังกลุ่มบุญรอดบริวเวอรี่ของตระกูลภิรมย์ ภักดีเป็นผู้ชนะการประมูล อย่างไรก็ตามปัจจุบันบริษัทยังไม่ได้รับการติดต่อจากกลุ่มสิงห์ พร็อพเพอร์ตี้ ให้จัดหาที่ดินใจกลางเมืองให้ แต่ถ้ามีที่ดินทำเลดีในย่านใจกลางเมืองก็พร้อมจะเสนอให้กลุ่มสิงห์พิจารณา

ทั้งนี้ คอลลิเออร์สฯมีที่ดินในโซนสุขุมวิทที่เป็นโบรกเกอร์ 1-2 แปลง แต่ขอไม่เปิดเผยรายละเอียด ส่วนที่ดินใจกลางเมืองกำลังได้รับความสนใจและประกาศขายมาระยะหนึ่ง คือแปลงติดอาคารสมูทอี บนถนนวิทยุ เนื้อที่กว่า 8 ไร่ แต่ราคาตั้งสูงตารางวาละ 2 ล้านบาท

แหล่งข่าวจากบริษัท โจนส์ แลง ลาซาลล์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทยังไม่ได้รับการติดต่ออย่างเป็นทางการจากกลุ่มสิงห์ให้นำเสนอที่ดินใน ย่านใจกลางเมือง ถึงแม้นายล่องลม บุนนาค ผู้บริหารของกลุ่มสิงห์ในอดีตเคยเป็นประธานกรรมการของโจนส์ แลงฯมาก่อน ทั้งนี้หากมีที่ดินทำเลใจกลางเมืองเข้ามาในพอร์ต บริษัทก็ไม่ได้ปิดกั้นที่จะนำเสนอให้สิงห์พิจารณา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น