วันอังคารที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2557

SAPPE

ภาพรวมการประกอบธุรกิจของบริษัท
ที่มา : หนังสือชี้ชวน

บริษัทประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ และเครื่องดื่มที่มุ่งเน้นนวัตกรรม เพื่อตอบโจทย์เรื่องสุขภาพ และความงามให้แก่ผู้บริโภค โดยแบ่งเป็น 4 กลุ่มผลิตภัณฑ์หลัก ภายใต้ 13 ตราสินค้าทั้งในและต่างประเทศ ซึ่ง ประกอบด้วย

1) ผลิตภัณฑ์ประเภทเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพและความงาม (Functional Beverage Category) ได้แก่ เซ็ปเป้ บิวติ ดริ้งค์ เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพและความงาม ที่แค่ดื่ม...ก็สวย”, เซ็ปเป้ บิวติ ชอท เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพและความงาม แบบเข้มข้น เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนในเวลาอันรวดเร็ว เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพแบบเข้มข้น สำหรับคนเมืองและคนทำงาน เน้น เรื่องการบำรุงสมองและก่รพักผ่อน เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนอันรวดเร็ว และ เซนต์ แอนนา เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพและความงาม แบบเข้มข้น ในคอนเซ็ปต์สวยง่ายๆ ...สบายกระเป๋า

2) ผลิตภัณฑ์ประเภทน้าผลไม้ เครื่องดื่มแต่งกลิ่นผลไม้ (Fruit Juice / Juice Drink Category) ได้แก่ เซ็ปเป้ ฟอร์ วัน เดย์ น้ำผักผลไม้เข้มข้น 100% เหมาะกับคนที่รักสุขภาพแต่ไม่มีโอกาสหรือ เวลาได้กินผัก, โมกุ โมกุ น้ำผลไม้ผสมวุ้นมะพร้าวรายแรกของตลาด มีจุดขายที่ชิ้นวุ้นขนาดใหญ่, ชิววี่ และ โคโค่ แครช เครื่องดื่มแต่งกลิ่นผลไม้น้ำผลไม้แต่งกลิ่นผสมวุ้นมะพร้าว และ เซ็ปเป้ อโล เวร่า ดริ้งค์ น้ำว่านหางจระเข้กลิ่นผลไม้ น้ำ ผลไม้แต่งกลิ่นผสมชิ้นว่านหางจระเข้

3) ผลิตภัณฑ์ประเภทผงพร้อมชง เพื่อสุขภาพ และ ความงาม (Functional Powder Category) ได้แก่ เพรียว คอฟฟี่ , สวิสส์ การ์เดน คอฟฟี่ และ สริมฟิต คอฟฟี่ ซึ่งเป็นกาแฟควบคุมน้ำหนัก เพื่อสุขภาพและ ความงาม และ เพรียว คลอโรฟิลล์ ซึ่งเป็นคลอโรฟิลล์ผงที่นำวัตถุดิบเข้ามาจากประเทศญี่ปุ่น มีคุณสมบัติในการช่วยดีท็อกซ์ขับล้างสารพิษ

4) ผลิตภัณฑ์ประเภทเครื่องดื่มปรุงสาเร็จพร้อมดื่ม เพื่อสุขภาพ และ ความงาม (RTD Category) ได้แก่ เพรียว คอฟฟี่ แบบกระป๋อง

โดยในปี 2556 บริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้จากการขายแต่ละกลุ่มผลิตภัณฑ์ดังกล่าว ในสัดส่วนร้อยละ 54.26 ร้อยละ 26.54 ร้อยละ 17 และร้อยละ 3 ของรายได้จากการขายรวม ตามลำดับ และงวด 3 เดือนแรก ของปี 2557 บริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้จากการขายแต่ละกลุ่มผลิตภัณฑ์ดังกล่าว ในสัดส่วนร้อยละ 17 ร้อยละ 66 ร้อยละ 16 และร้อยละ 1 ของรายได้จากการขายรวม ตามลำดับ


ผลิตภัณฑ์ของบริษัทจำหน่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยในปี 2556 และงวด 3 เดือนแรกของปี 2557 มีสัดส่วนการขายในประเทศประมาณร้อยละ 52.31 และร้อยละ 38.98 ของรายได้จากการขายรวม และสัดส่วนการขายต่างประเทศประมาณร้อยละ 47.69 และร้อย ละ 61.02 ของรายได้จากการขายรวม ตามลำดับ โดยการขายในประเทศผ่านช่องทางจำหน่ายหลัก 2 ช่องทาง ได้แก่ ช่องทาง การค้าปลีกสมัยใหม่ (Modern Trade) ได้แก่ ร้านสะดวกซื้อ (Convenience store) ซุปเปอร์มาร์เก็ต และไฮเปอร์มาร์เก็ต เป็น ต้น และช่องทางจาหน่ายแบบดั้งเดิม (Traditional Trade) ได้แก่ การขายผ่านตัวแทนจำหน่าย (Distributor) 3 ราย สำหรับ การขายในต่างประเทศเป็นการขายผ่านตัวแทนนำเข้าสินค้า (Importer) ของแต่ละประเทศนั้นๆ และการขายผ่านตัวแทน จำหน่ายสินค้ำ โดยการส่งออกสินค้าของบริษัทได้รับการยอมรับกว่า 50 ประเทศทั่วโลก ทั้งในทวีปเอเชีย เอเชียตะวันออก เฉียงใต้ ตะวันออกกลาง ยุโรป แอฟฟริกา อเมริกาเหนือ และอเมริกาใต้ โดยในปี 2556 สัดส่วนการขายในต่างประเทศที่ ประมาณร้อยละ 48 ของรายได้จากการขายรวม ประกอบด้วยภูมิภาค (Region) ต่างๆ ได้แก่ กลุ่มประเทศแถบเอเชียร้อยละ 36 กลุ่มประเทศแถบยุโรปและอเมริการ้อยละ 7 กลุ่มประเทศตะวันออกกลางและอื่นๆ ร้อยละ 5 ของรายได้จากการขายรวม ส่วนงวด 3 เดือนแรกของปี 2557 สัดส่วนการขายในต่างประเทศที่ประมาณร้อยละ 61 ของรายได้จากการขายรวม ประกอบด้วยภูมิภาค (Region) ต่างๆ ได้แก่ กลุ่มประเทศแถบเอเชียร้อยละ 52 กลุ่มประเทศแถบยุโรปและอเมริการ้อยละ 5 กลุ่มประเทศตะวันออกกลางและอื่นๆ ร้อยละ 4 ของรายได้จากการขายรวม

โครงการในอนาคต

ทั้งนี้ ในปี 2557 บริษัทมีแผนลงทุนในอนำคต รวม 2 โครงกำร โดยเป็นกำรลงทุนในเครื่องจักรและอุปกรณ์
มูลค่ำเงินลงทุนรวมประมำณ 400-600 ล้ำนบำท โดยจะใช้แหล่งเงินทุนจำกกำรเสนอขำยหุ้นต่อประชำชนในครั้งนี้
รำยละเอียดมีดังนี้

1. โครงการลงทุนเพื่อขยายก้าลังการผลิตเครื่องบรรจุน้ำ มูลค่าเงินลงทุนรวมประมาณ 250-350 ล้านบาท เพื่อ
เป็นการเพิ่มกำลังการผลิตให้เพียงพอกับความต้องการที่เพิ่มขึ้นในอนาคต จากแผนธุรกิจของบริษัทในปี 2557 - 2559 บริษัทวางแผนผลิตจากประมาณการอุปสงค์รวมสูงสุด 120,000 ตันต่อปี ซึ่งจากข้อมูลในอดีต อุปสงค์ของสินค้ามีความผันผวนตามฤดูกาล โดยมียอดขายสูงสุดในเดือนมีนาคม ถึง สิงหาคม ทำให้กำลังการผลิตบางช่วงไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาด ตลอดจนการเติบโตของตลาดต่างประเทศ ที่ผ่านมาเติบโตสูงมาโดยตลอด ดังนั้น บริษัทจึงมีแผนลงทุนเพื่อขยายกำลังการผลิตอีก 60,000 ตันต่อปี รวมเป็น 160,000 ตันต่อปี

2. โครงการลงทุนเพื่อเพิ่มกำลังการผลิตขวดเปล่า PET มูลค่าเงินลงทุนรวมประมาณ 150-250 ล้านบาท การลงทุนโครงการนี้จะเป็นการพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตให้ลดปริมาณการใช้พลาสติก (เรซิน) สำหรับขวด PET และพัฒนาฝาเป็นเทคโนโลยีฝาสั้น (Short Neck) เพื่อเป็นการลดต้นทุนของสินค้า ปัจจุบันบริษัทมีกำลังการผลิตขวดเปล่าประมาณ 164 ล้านขวดต่อปี คิดเป็นสัดส่วนค่อนข้างต่ำเมื่อเปรียบเทียบกับกำลังการผลิตของเครื่องบรรจุน้ำ โดยอุปทานส่วนที่ขาด บริษัทมีการจัดซื้อจาก Suppliers ภายนอก ทำให้มีต้นทุนที่สูงขึ้นจากค่าจ้างผลิต และค่าขนส่งขวดเปล่ามายังโรงงาน ดังนั้น เพื่อเป็นการลดต้นทุนการผลิตให้สามารถแข่งขันได้มากขึ้น บริษัทจึงวางแผนเพิ่มกำลังการผลิตขวดเปล่าเป็น 380 ล้านขวดต่อปี โดยจะสามารถลดการสั่งซื้อขวด PET และลดต้นทุนผลิตได้อย่างมีนัยสำคัญ


ตารางผลประกอบการสำคัญ


หุ้นไอพีโอ'เซ็ปเป้'ให้ส่วนลดนักลงทุน 42 %

วันพุธที่ 18 มิถุนายน 2014 เวลา 14:23 น. กอง บก.ฐานเศรษฐกิจ

เซ็ปเป้ ระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯพันล้าน นำเงินขยายกำลังการผลิต  เคาะราคาไอพีโอ 13.50 บาท  ใจป้ำให้ส่วนลดนักลงทุน 42.1%  ตั้งเป้ารายได้ปีนี้โต 30% จากปีก่อนปิดตัวเลข  2.4 พันล้านบาท แย้มหาพันธมิตรร่วมธุรกิจในเอเชีย

นายประเสริฐ ภัทรดิลก กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท แอดไวเซอรี่ พลัส จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน บริษัท เซ็ปเป้ จำกัด (มหาชน)(บมจ.) (SAPPE) เปิดเผยว่า เซปเป้เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไป (ไอพีโอ) จำนวน 75 ล้านหุ้น ที่ราคาหุ้นละ 13.50 บาท  ซึ่งมีส่วนลดเพื่อจูงใจให้กับนักลงทุนถึง 42.1% โดยเทียบกับอัตราราคาปิดต่อกำไรต่อหุ้น (พี/อี เรโช) ของกลุ่มอุตสาหกรรมเดียวกันซึ่งอยู่ที่ 27.5 เท่า ขณะที่หุ้นเซปเป้ พี/อี อยู่ที่ 15.9 เท่า โดยช่วงราคาเหมาะสมที่สำนักวิเคราะห์ประเมินไว้อยู่ในช่วงระหว่าง 14.00-17.40 บาท

สำหรับสินค้าของเซปเป้ แบ่งออกเป็น 4 กลุ่มผลิตภัณฑ์หลัก ภายใต้ 13 ตราสินค้าที่จำหน่ายในประเทศ ได้แก่ 1.กลุ่มผลิตภัณฑ์ประเภทเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพและความงาม 2.ผลิตภัณฑ์ประเภทน้ำผลไม้ / เครื่องดื่มแต่งกลิ่นผลไม้  3.ผลิตภัณฑ์ประเภทผงพร้อมชง เพื่อสุขภาพและความงาม และ 4.ผลิตภัณฑ์ประเภทเครื่องดื่มปรุงสำเร็จพร้อมดื่มเพื่อสุขภาพและความงาม นอกจากนี้ยังส่งออกไปจำหน่ายไปยัง 50 ประเทศทั่วโลก ทั้งทวีปเอเชีย เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตะวันออกกลาง ยุโรป แอฟริกา อเมริกาเหนือ และอเมริกาใต้ โดยเป็นการจำหน่ายผ่านคู่ค้า ตัวแทนจำหน่าย ตัวแทนนำเข้าสินค้า ผู้ค้าปลีกและร้านค้าย่อยในช่องทางจัดจำหน่ายต่างๆ
  
  นายอดิศักดิ์ รักอริยะพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เซปเป้ กล่าวว่า  เงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้จำนวน 1.01 พันล้านบาท แบ่งนำไปใช้ในการขยายกำลังการผลิตเครื่องบรรจุน้ำและการผลิตขวด PET อีก 60% จากปัจจุบันมีกำลังการผลิต 1 แสนตันต่อปี โดยจะใช้เงินลงทุนทั้งสิ้น 400 ล้านบาทเพื่อรองรับแผนขยายธุรกิจต่อไปในอนาคต ส่วนที่เหลือนำไปชำระเงินกู้ 105 ล้านบาท และเป็นเงินทุนหมุนเวียนในบริษัท

    ขณะที่บริษัทตั้งเป้าการเติบโตของรายได้ปีนี้ไว้ 30% จากปีก่อนมีรายได้อยู่ที่ 2.4 พันล้านบาท และตั้งเป้าหมายยอดขาย 3-5 ปี จะเติบโตเฉลี่ยปีละ 25% ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เนื่องจากการส่งออกยังคงเติบโตดีอย่างต่อเนื่อง และมีกำไรที่ดีกว่าในประเทศ โดยบริษัทมีการส่งออกมากกว่า 50 ประเทศทั่วโลก ขณะที่บริษัทมองหาพันธมิตรร่วมธุรกิจเพิ่มเติมในเอเชีย จากที่ได้เข้าไปร่วมทุนในอินโดนีเซียและสโลวาเกียแล้ว โดยเข้าไปถือหุ้นในสัดส่วน 60%  ส่วนผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/57 มีรายได้รวมจากการขาย 774 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 64.26% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน มีกำไรสุทธิ 146 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 449% เทียบงวดเดียวกันปีก่อน 
  
  นายอดิศักดิ์ กล่าวว่า  เครื่องดื่มแบรนด์ “เซ็ปเป้ บิวติ ดริ้งค์” ครองส่วนแบ่งตลาดเป็นเบอร์ 1 ของตลาดฟังก์ชันนัลดริ้งค์สำหรับผู้หญิงในประเทศไทย และน้ำผลไม้ผสมวุ้นมะพร้าวแบรนด์ “โมกุ โมกุ” ที่ประสบความสำเร็จได้รับการยอมรับจากผู้บริโภคทั่วโลก
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 34 ฉบับที่ 2,958 วันที่ 19 - 21  มิถุนายน  พ.ศ. 2557

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น